พอดวงอาทิตย์ขึ้น หิ่งห้อยก็อับแสง

 พอดวงอาทิตย์ขึ้น หิ่งห้อยก็อับแสง

ปิดสวิตช์ ดวงอาทิตย์



เป็นอย่างนั้น อานนท์ ! เป็นอย่างนั้น อานนท์ ! ตลอดเวลาที่ตถาคตผู้เป็นอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง ยังไม่เกิดขึ้นในโลกอยู่เพียงใด, เหล่าปริพพาชก ผู้เป็นเดียรถีย์อื่น ก็ยังเป็นที่สักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม และยังมีลาภด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานเภสัช อยู่ตลอดเวลาเพียงนั้น. อานนท์ ! ในกาลใด ตถาคตผู้เป็นอรหันต์ตรัสรู้ชอบเองเกิดขึ้นในโลก, เมื่อนั้น เหล่าปริพพาชกผู้เป็นเดียรถีย์อื่น ก็หมดความเป็นที่สักการะเคารพนับถือบูชานอบน้อม และไม่มีลาภด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานเภสัช. และในบัดนี้ ตถาคตเป็นที่สักการะเคารพนับถือบูชานอบน้อม และมีลาภด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช, รวมทั้งภิกษุสงฆ์ นี้ด้วย. พระผู้มีพระภาคทรงแจ่มแจ้งในความข้อนี้ ได้ทรงอุทานคำอุทานนี้ขึ้นว่า :-     หิ่งห้อยนั้น ย่อมส่องแสงอยู่ได้ชั่วเวลาที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นมา ครั้นอาทิตย์ขึ้นมา หิ่งห้อยก็หมดแสงไม่มีสว่างอีก. เดียรถีย์ ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น. โอกาสอยู่ได้ชั่วเวลาที่บุคคลผู้ตรัสรู้ชอบ ด้วยตนเองยังไม่เกิดขึ้นในโลก. พวกที่ได้แต่นึก ๆ เอา (คือไม่ตรัสรู้) ย่อมบริสุทธิ์ไม่ได้. ถึงแม้สาวกของเขาก็เหมือนกัน. ผู้ที่มีความเห็นผิด จะไม่พ้นทุกข์ไปได้เลย”.     บาลี ชัจจันธวรรค อุ. ขุ. ๒๕/๑๙๖/๑๔๖.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น