สัมมาทิฏฐิโลกุตตระ นานาแบบ (ตามคำพระสารีบุตร)

สัมมาทิฏฐิโลกุตตระ นานาแบบ (ตามคำพระสารีบุตร)

วันสตรีสากล เป็นอะไรไม่ได้ แต่เป็นอริยะได้



-หมวดเนื่องด้วยกุศล-อกุศล

ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! เมื่อใดแล อริยสาวกมารู้ชัดซึ่งอกุศลและอกุศลมูลด้วย รู้ชัดซึ่งกุศลและกุศลมูลด้วย; แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกนั้น ชื่อว่าเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ ทิฏฐิของเขาดำเนินไปตรง เขาประกอบแล้วด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! สิ่งที่เรียกว่า อกุศล นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! การทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงเป็นอกุศล; การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ เป็นอกุศล; การประพฤติผิดในกาม เป็นอกุศล; การกล่าวเท็จเป็นอกุศล; วาจาส่อเสียด เป็นอกุศล; วาจาหยาบคาย เป็นอกุศล; การกล่าวคำเพ้อเจ้อ เป็นอกุศล; อภิชฌา เป็นอกุศล; พยาบาท เป็นอกุศล; มิจฉาทิฏฐิ เป็นอกุศล; ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! เหล่านี้ ท่านกล่าวว่า เป็นอกุศล. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! สิ่งที่เรียกว่า อกุศลมูล นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? โลภะ เป็นอกุศลมูล; โทสะ เป็นอกุศลมูล; โมหะ เป็นอกุศลมูล. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! เหล่านี้ ท่านกล่าวว่า เป็นอกุศลมูล.     ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! สิ่งที่เรียกว่า กุศล นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?     ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! เจตนาเว้นจากปาณาติบาตเป็นกุศล; เจตนาเว้นจากอทินนาทาน เป็นกุศล; เจตนาเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร เป็นกุศล; เจตนาเว้นจากมุสาวาท เป็นกุศล; เจตนาเว้นจากปิสุณาวาท เป็นกุศล; เจตนาเว้นจากผรุสวาท เป็นกุศล; เจตนาเว้นจากสัมผัปปลาปวาท เป็นกุศล; อนภิชฌา เป็นกุศล; อัพ๎ยาปาท เป็นกุศล; สัมมาทิฏฐิ เป็นกุศล. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! เหล่านี้ ท่านกล่าวว่า เป็นกุศล. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! สิ่งที่เรียกว่า กุศลมูล นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? อโลภะ เป็นกุศลมูล; อโทสะ เป็นกุศลมูล; อโมหะ เป็นกุศลมูล. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย! เหล่านี้ ท่านกล่าวว่า เป็นกุศลมูล. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! ในกาลใดแล อริยสาวกมารู้ชัดซึ่งอกุศลอย่างนี้, รู้ชัดซึ่งอกุศลมูลอย่างนี้, รู้ชัดซึ่งกุศลอย่างนี้ รู้ชัดซึ่งกุศลมูลอย่างนี้ อริยสาวกนั้น ละราคานุสัย บรรเทาปฏิฆานุสัย ถอนอนุสัยแห่งทิฏฐิและมานะว่า เรามีเราเป็น ได้โดยประการทั้งปวง ละอวิชชาแล้ว ทำวิชชาให้เกิดขึ้น เธอกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ในทิฏฐธรรมนี้ นั่นเทียว. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ! แม้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล อริยสาวกนั้น ชื่อว่าเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ ทิฏฐิของเขาดำเนินไปตรง เขาประกอบแล้วด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้.          (หมายเหตุ : อ่านต่อหมวดอื่นๆ ได้ในหนังสือพุทธวจน คู่มือโสดาบัน หน้า 184) -บาลี มู. ม. ๑๒/๘๕/๑๑๐.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น