ครั้งมีพระชาติเป็นโชติปาลมาณพ

ครั้งมีพระชาติเป็นโชติปาลมาณพ

จิกมวยผม


อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่เธอว่า ‘ผู้อื่นต่างหาก ที่เป็นโชติปาลมาณพในสมัยโน้น’. อานนท์ ! เธอไม่ควรเห็นเช่นนั้น, เรานี่เองได้เป็นโชติปาลมาณพแล้ว ในสมัยนั้น...... อานนท์ ! ครั้งดึกดำบรรพ์ พื้นที่ตรงนี้เป็นนิคมชื่อเวภฬิคะ มั่งคั่งรุ่งเรือง มีคนมากเกลื่อนกล่น. อานนท์ ! พระผู้มีพระภาค นามว่า กัสสปะ ทรงอาศัยอยู่ ณ นิคมเวภฬิคะนี้, ได้ยินว่า อารามของพระองค์ อยู่ตรงนี้เอง, ท่านประทับนั่งกล่าวสอนหมู่สาวก ตรงนี้. อานนท์ ! ในนิคมเวภฬิคะ มีช่างหม้อชื่อฆฏิการะ เป็นอุปัฏฐากอันเลิศของพระผู้มีพระภาคกัสสปะนั้น. ฆฏิการะมีสหายรักชื่อโชติปาละ. อานนท์ ! ครั้งนั้น ฆฏิการะเรียกโชติปาลมาณพผู้สหายมาแล้วกล่าวว่า “เพื่อนโชติปาละ ! มา, เราไปด้วยกัน, เราจักไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสปะ. การเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น บัณฑิตลงเห็นพร้อมกันว่า ดี”. “อย่าเลย, เพื่อนฆฏิการะ ! มีประโยชน์อะไรด้วยการเห็นสมณะ หัวโล้น”. “เพื่อนโชติปาละ ! ไปด้วยกันเถอะ, ฯลฯ การเห็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้านั้น บัณฑิตลงเห็นพร้อมกันว่า ดี”. “อย่าเลย, เพื่อนฆฏิการะ ! มีประโยชน์อะไรด้วยการเห็นสมณะ หัวโล้น”. (โต้กันดั่งนี้ถึงสามครั้ง). “ถ้าเช่นนั้น เราเอาเครื่องขัดถูร่างกายไปอาบน้ำที่แม่น้ำกันเถอะ, เพื่อน ! ” อานนท์ ! ครั้งนั้น ฆฏิการะและโชติปาลมาณพได้ถือเครื่องขัดสีตัวไปอาบน้ำที่แม่น้ำด้วยกันแล้ว , ฆฏิการะได้กล่าวกะโชติปาลมาณพอีกว่า “เพื่อนโชติปาละ ! นี่เอง วิหารแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะอยู่ไม่ไกลเลย, ไปเถอะเพื่อน ! เราจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยกัน, การเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น บัณฑิตลงเห็นพร้อมกันว่า ดี”. “อย่าเลยเพื่อน ฆฏิการะ ! มีประโยชน์อะไรด้วยการเห็นสมณะ หัวโล้นนั้น”. (โต้กันดังนี้ถึง ๓ ครั้ง). อานนท์ ! ฆฏิการะ ได้เหนี่ยวโชติปาลมาณพที่ชายพก แล้วกล่าวว่า “เพื่อนโชติปาละ ! ตรงนี้เอง วิหารของพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ไกลเลย, ไปเถอะเพื่อน, เราจักไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยกัน , การเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บัณฑิตลงเห็นพร้อมกันว่า ดี”. อานนท์ ! ครั้งนั้นโชติปาละ พยายามโดยวิธีที่ฆฏิการะต้องปล่อยชายพกนั้นได้แล้ว กล่าวว่า “อย่าเลยเพื่อน ฆฏิการะ ! ประโยชน์อะไรด้วยการเห็นสมณะหัวโล้น.” อานนท์ ! ลำดับนั้น ฆฏิการะ เหนี่ยวโชติปาลมาณพ ผู้อาบน้ำสระเกล้าเรียบร้อยแล้ว เข้าที่มวยผมแล้ว กล่าวดั่งนั้นอีก. อานนท์ ! โชติปาลมาณพ เกิดความคิดขึ้นภายในใจว่า “น่าอัศจรรย์หนอท่าน, ไม่เคยมีเลยท่าน, คือข้อที่ฆฏิการะช่างหม้อมีชาติอันต่ำ มาอาจเอื้อมจับเรา ที่มวยผมของเรา, เรื่องนี้เห็นจักไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้วหนอ.” ดังนี้, จึงกล่าวกะฆฏิการะช่างหม้อ : - “เพื่อนฆฏิการะ ! นี่จะเอาเป็นเอาตายกันเจียวหรือ ?” “เอาเป็นเอาตายกันทีเดียว, เพื่อนโชติปาละ ! เพราะการเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการดีจริง ๆ.” “เพื่อนฆฏิการะ ! ถ้าเช่นนั้น ก็จงปล่อย เราจักไปด้วยกันละ”. อานนท์ ! ลำดับนั้น ฆฏิการะและโชติปาลมาณพ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคกัสสปะถึงที่ประทับ. ฆฏิการะผู้เดียว ถวายอภิวาทแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควร; ส่วนโชติปาลมาณพ ได้ทำความคุ้นเคยชื่นชมกับพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะ นั่งอยู่แล้ว. ฆฏิการะได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะว่า “พระองค์ผู้เจริญ ! นี่คือ โชติปาลมาณพสหายรักของข้าพระพุทธเจ้า, ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า จงทรงแสดงธรรมแก่เขาเถิด”. อานนท์ ! พระผู้มีพระภาคกัสสปะ ได้ทำให้ฆฏิการะและโชติปาละเห็นจริง, ถือเอา, อาจหาญและร่าเริงเป็นอย่างดี ด้วยธรรมิกถาแล้ว. ทั้งสองคนเพลิดเพลินปราโมทย์ต่อภาษิตของพระองค์, บันเทิงจิต ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาท ทำประทักษิณ แล้วจึ่งหลีกไป. อานนท์ ! ลำดับนั้น โชติปาลมาณพได้กล่าวถามกะฆฏิการะว่า “เพื่อนฆฏิการะ ! เพื่อนก็ฟังธรรมนี้อยู่ ทำไมจึงยังไม่บวชออกจากเรือน เป็นผู้ไม่หวังประโยชน์ด้วยเรือน เล่า ?” “เพื่อนไม่เห็นหรือ เพื่อนโชติปาละ ! ฉันต้องเลี้ยงมารดาบิดาผู้แก่ และตาบอดอยู่”. “เพื่อนฆฏิการะ ! ถ้าเช่นนั้น ฉันจักบวช ออกจากเรือนไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนละ”. อานนท์ ! ครั้งนั้น เขาทั้งสองได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคกัสสปะอีก. ฆฏิการะกราบทูลว่า “พระองค์ผู้เจริญ ! โชติปาละสหายรักของข้าพระพุทธเจ้านี่แล ประสงค์จะบวช, ขอพระองค์จงให้เขาบวชเถิด”. อานนท์ ! โชติปาลมาณพ ได้บรรพชาและอุปสมบทในสำนักแห่งพระผู้มีพระภาคกัสสปะแล้ว, ราวกึ่งเดือน พระผู้มีพระภาคกัสสปะ ก็เสด็จจาริก ไปยังเมืองพาราณสี. ...ฯลฯ... อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่เธอว่า “คนอื่นต่างหากที่เป็นโชติปาลมาณพในสมัยโน้น”. อานนท์ ! เธอไม่ควรคิดไปอย่างนั้น, เรานี่เอง, เป็นโชติปาลมาณพแล้ว ในสมัยโน้น.     บาลี ฆฏิการสูตร ม. ม. ๑๓/๓๗๕/๔๐๕. ๑. เนื้อความท่อนนี้ อยู่ท้ายสูตร นำมาจั่วหน้า, เพื่อให้เข้าใจง่ายว่าตรัสถึงเรื่องในชาติก่อน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น