พระสัมมาสัมพุทธะ บัญญัติให้ภิกษุฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว

พระสัมมาสัมพุทธะ

บัญญัติให้ภิกษุฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว


พระสัมมาสัมพุทธะ บัญญัติให้ภิกษุฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว


สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาครับสั่งกับภิกษุทั้งหลายถึงประโยชน์ของการฉันอาหารมื้อเดียว และบัญญัติให้ภิกษุฉันอาหารมื้อเดียว เพื่อความเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคเบาบาง กายเบา มีกำลัง และอยู่สำราญ ซึ่งพระภัททาลิได้แย้งว่าตนเองทำไม่ได้ พระผู้มีพระภาคจึงอนุญาตให้พระภัททาลิสามารถนำอาหารที่ได้จากการรับนิมนต์กลับมาฉันต่ออีกมื้อหนึ่งได้ ซึ่งพระภัททาลิก็ได้แย้งว่าตนเองทำไม่ได้อีก จากนั้นพระภัททาลิก็ไม่กล้าพบหน้าพระผู้มีพระภาคจนตลอด ๓ เดือน จนกระทั่งถึงฤดูทำจีวร ภิกษุทั้งหลายได้ตักเตือนพระภัททาลิถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสม พระภัททาลิจึงได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! โทษได้ครอบงำข้าพระองค์ ผู้เป็นคนพาล เป็นคนหลง ไม่ฉลาด ซึ่งได้ประกาศความไม่อุตสาหะขึ้นแล้ว ในเมื่อพระผู้มีพระภาคกำลังทรงบัญญัติสิกขาบท ในเมื่อภิกษุสงฆ์สมาทานอยู่ซึ่งสิกขา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงรับโทษของข้าพระองค์นั้นโดยความเป็นโทษเพื่อความสำรวมระวังต่อไปเถิด. ภัททาลิ ! เราขอเตือน โทษได้ครอบงำเธอผู้เป็นคนพาล เป็นคนหลง ไม่ฉลาดซึ่งได้ประกาศความอุตสาหะขึ้นแล้ว ในเมื่อเรากำลังจะบัญญัติสิกขาบท ในเมื่อภิกษุสงฆ์กำลังสมาทานอยู่ซึ่งสิกขา.
ภัททาลิ ! เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นอริยบุคคลชื่ออุภโตภาควิมุตติ {๑} เราพึงกล่าวแก่ภิกษุอย่างนี้ว่า มาเถิดภิกษุ เราจะก้าวไปในหล่มดังนี้ ภิกษุนั้นพึงก้าวไป หรือพึงน้อมกายไปด้วยอาการอื่น หรือพึงกล่าวปฏิเสธบ้างหรือ. ไม่มีเลย พระเจ้าข้า. ภัททาลิ ! เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นอริยบุคคลชื่อปัญญาวิมุตติ เป็นอริยบุคคลชื่อกายสักขี เป็นอริยบุคคลชื่อทิฏฐิปัตตะ เป็นอริยบุคคลชื่อสัทธาวิมุตติ เป็นอริยบุคคลชื่อธรรมานุสารี เป็นอริยบุคคลชื่อสัทธานุสารี เราพึงกล่าวกะภิกษุอย่างนี้ว่า มาเถิดภิกษุ เราจะก้าวไปในหล่มดังนี้ ภิกษุนั้นพึงก้าวไป หรือพึงน้อมกายไปด้วยอาการอื่น หรือพึงกล่าวปฏิเสธบ้างหรือ ไม่มีเลย พระเจ้าข้า. ภัททาลิ ! เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร ในสมัยนั้น เธอเป็นพระอริยบุคคลชื่อว่าอุภโตภาควิมุตติ ปัญญาวิมุตติ กายสักขี ทิฏฐิปัตตะ สัทธาวิมุตติ ธรรมานุสารี หรือสัทธานุสารี บ้างหรือหนอ.
มิได้เป็นเลย พระเจ้าข้า. ภัททาลิ ! ในสมัยนั้น เธอยังเป็นคนว่าง คนเปล่า คนผิดมิใช่หรือ. เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! โทษได้ครอบงำข้าพระองค์ผู้เป็นคนพาล เป็นคนหลง ไม่ฉลาด ซึ่งได้ประกาศความไม่อุตสาหะขึ้นแล้ว ในเมื่อพระผู้มีพระภาคกำลังทรงบัญญัติสิกขาบท ในเมื่อภิกษุสงฆ์กำลังสมาทานอยู่ซึ่งสิกขา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ!ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงรับโทษของข้าพระองค์นั้นโดยความเป็นโทษ เพื่อความสำรวมระวังต่อไปเถิด. ภัททาลิ ! เราขอเตือน โทษได้ครอบงำเธอผู้เป็นคนพาล เป็นคนหลง ไม่ฉลาด ซึ่งได้ประกาศความไม่อุตสาหะขึ้นแล้ว ในเมื่อเรากำลังบัญญัติสิกขาบท ในเมื่อภิกษุสงฆ์กำลังสมาทานอยู่ซึ่งสิกขา แต่เพราะเธอเห็นโทษโดยความเป็นโทษ แล้วทำคืนตามธรรม เราจึงรับโทษของเธอนั้น ข้อที่บุคคลเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมระวังต่อไป นี้เป็นความเจริญในอริยวินัยของผู้นั้น.

๑. หาคำตอบในความหมายของชื่ออริยบุคคลแต่ละจำพวก ได้ในไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๑๓ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ หน้าที่ ๑๑๙ ข้อที่ ๒๓๐

-บาลี ม. ม. ๑๓/๑๖๔/๑๖๓.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น